วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ผลไม้เพื่อสุขภาพ

ผลไม้เพื่อสุขภาพ

แอปเปิ้ล

 

  การรับประทานผลไม้จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งการลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพ
ที่สดใส เพราะผลไม้ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมีน้ำตาล
ธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว และนำไปใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ ผลไม้ยังอุดมไป
ด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกนับไม่ถ้วน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่ทรุดโทรม จึงเหมาะสำหรับ
สาว ๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นที่สุด

  แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด

พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน

  เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง

สุขภาพดีด้วยผลไม้ค่ะ

รูปภาพ

อาหารภาคใต้

อาหารภาคใต้
แกงไตปลา
แกงไตปลา


ส่วนผสมน้ำพริกแกง   - พริกชี้ฟ้าแห้งหั่นเป็นท่อนแช่น้ำ                  10 เม็ด
  - ข่าแก่หั่นแว่นบาง ๆ                                  4  แว่น
  - ตะไคร้ซอย                                           2  ช้อนโต๊ะ
  - กระเทียมหั่นหยาบ                                  2  ช้อนโต๊ะ
  - ขมิ้นชันหั่นท่อนยาว 2 นิ้ว                         2  ชิ้น
  - ผิวมะกรูด                                             1  ช้อนโต๊ะ
  - พริกไทยเม็ด                                        10 เม็ด
  - กะปิ                                                    1 ช้อนโต๊ะ
  - ปลาทูนึ่งย่างจนเหลือง (แกะใช้เฉพาะเนื้อ)    1 ตัว


วิธีทำ      
โขลกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนละเอียด จากนั้นใส่เนื้อปลาทููลงไป
โขลกต่อให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จะได้น้ำพริกแกงประมาณ ½  ถ้วย
ส่วนผสมแกงไตปลา                 
  - ไตปลาช่อน                                                            300 กรัม
  - ปลาทูนึ่งย่างจนเหลือง (แกะใช้เฉพาะเนื้อปลา)                2-3 ตัว
  - ฝักทองหั่นสี่เหลี่ยม                                                      2 ถ้วย
  - หน่อไม้รวกหั่นพอคำ                                                    2 ถ้วย
  - ถั่วฝักยาวหั่น 1 นิ้ว                                                       2 ถ้วย
  - มะเขือเปราะผ่าสี่                                                      6-7 ลูก
  - ใบมะกรูดฉีก                                                            4-5 ใบ
  - น้ำเปล่า                                                                    5  ถ้วย
  - น้ำพริกแกง                                                               ½ ถ้วย



วิธีทำ

1. ตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ไตปลาลงไปต้มจนส่วนผสมเดือดอีกครั้งกรองส่วน
    ที่เป็นไตปลาทิ้งไป แล้วใส่น้ำพริกแกงลงไปละลายในน้ำ


2. ใส่ฝักทองกับหน่อไม้ลงไป เคี่ยวจนสุกจากนั้นใส่ถั่วฝักยาวมะเขือเปราะตาม
    ด้วยใบมะกรูดและเนื้อปลาทูลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อม
    ข้าวสวยร้อน ๆ




วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อยากบอกแม่ว่า...

อยากบอกแม่ว่า...

หนูรักแม่มากค่ะ แม่เป็นผู้มีพระคุณต่อหนูมาก
คอยเลี้ยงหนูจนเติบใหญ่  ถึงแม้หนูจะไม่มีสิ่งของ
ราคาแพงๆซื้อมาเป็นของขวัญให้แม่
แต่หนูก็จะกตัญญูต่อแม่ และขอสัญญาว่า
หนูจะทำให้แม่มีความสุข และเป็นลูกที่ดีของแม่ตลอดไป

  รักแม่ค่ะ

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของสับประรด


              สุขภาพดีกับประโยชน์ของสับปะรด




เรามาทำความรู้จักกับข้อดีของสับปะรดกันดีกว่าค่ะเพื่อสุขภาพของเราเอง

1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง  รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี

ที่สำคัญคือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงเพื่อ

ป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการ

เพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกายแต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก


2. ช่วยในระบบการย่อยอาหาร  
สับปะรดมีกากใยอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหารและ

เป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอลควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยง

ของโรคมะเร็ง


3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียน ดี
สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และ

แมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์และอาจทำให้เป็น

โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้สารแอนตี้ออกซิแดนต์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของ

ร่างกายอีกด้วย

4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง
 การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดการสูบบุหรี่ก็จะ

ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรดมีสาร

แอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์

Bromelain ในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้

ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดการเสียชีวิตด้วย

โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20%

6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรงเนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูงที่

จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ชาวอเมริกาใต้

โบราณใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

lisathailand